ประวัติ สำนักเรียน
สำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม เป็นสำนักจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี ตั้งอยู่ ณ วัดโมลีโลกยาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ตั้งเป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรมตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๒๐/๒๕๓๔ วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๓๔
อรุณรุ่งแห่งการศึกษาพระปริยัติธรรม
วัดโมลีโลกยาราม ในยุคต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เคยเป็นสำนักเรียนที่มีการเรียน
พระปริยัติธรรมแผนกบาลีแบบสอบด้วยปากมาแล้ว ปรากฏว่ามีผู้สอบได้หลายท่าน
เช่น พระธรรมเจดีย์ (อยู่ เปรียญ ๔ ประโยค) และพระนิกรมมุนี (ชู เปรียญ ๘ ประโยค) โดยเฉพาะในยุคอดีตเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ คือ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฉิม)
ผู้แต่งฉันท์สดุดีคำถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งต้นด้วยคำว่า
ยํ ยํ เทวมนุสฺสานํ เป็นผู้ทรงภูมิบาลีชั้นเอก ครั้นเมื่อมีการปรับปรุงการศาสนศึกษา
แนวใหม่ โดยจัดตั้งหลักสูตรนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ขึ้น เริ่มสอบมาแต่ปี ๒๔๕๕, ๒๔๖๐ และ ๒๔๖๕ ตามลำดับ และเปลี่ยนแปลงวิธีสอบบาลีด้วยปากมาเป็นสอบแบบข้อเขียน
ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๒๔๕๖ เป็นต้นมา ครั้นถึงปี ๒๔๖๙ จึงมีผู้สอบชั้นประโยค ป.ธ.๙ ได้เป็น
ปีแรก
วัดโมลีโลกยาราม ได้รับภาระจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมตามแนวใหม่ทั้ง ๒ แบบ โดยระยะแรกสำนักเรียนวัดมหาธาตุ ได้มอบให้พระประสิทธิศีลคุณ (จ้อย เปรียญ ๔ ประโยค แบบสอบด้วยปาก) นำพระเปรียญสำนักเรียนวัดมหาธาตุมาดำเนินการสอน เริ่มเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๐ และให้นักเรียนวัดโมลีโลกยาราม เข้าสอบในนามสำนักเรียนวัดมหาธาตุ ระยะแรก ผลการเรียนยังไม่เด่นชัดนัก ครั้น พ.ศ. ๒๔๖๔ โปรดให้พระประสิทธิศีลคุณ ย้ายมาครองวัดโมลีโลกยาราม (พ.ศ. ๒๔๖๔-๒๔๙๒) ท่านได้จัดการทั้ง ๒ แผนกอย่างเข้มแข็ง โดยสอนเองบ้าง จัดพระเปรียญอื่นช่วยสอนบ้าง โดยตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นเป็นหลักฐาน มีพระภิกษุสามเณรสอบนักธรรมและบาลีได้ในสนามหลวงมากขึ้นตามลำดับ เฉพาะที่ได้หลักฐานในแถลงการณ์คณะสงฆ์ พ.ศ.๒๔๖๑-๒๔๗๖ มีผู้สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก รวม ๑๙ รูป สอบบาลีได้ชั้นประโยค ป.ธ.๓-๔-๕ รวม ๒๓ รูป มีพระปลัดลมัย โกวิโท นามสกุล พีระพันธ์ ชาวบ้านฝั่งคลอง ตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ต่อมา ท่านสอบได้ชั้นประโยค ป.ธ.๗ ในปี ๒๔๙๐ ได้เป็นกำลังสำคัญในการจัดการศึกษานักธรรมและบาลีประจำสำนักศาสนศึกษาวัดโมลีโลกยาราม (พ.ศ.๒๔๗๑-๒๔๙๙) มีศิษย์เอกที่ท่านสอนเป็นพยาน คือ พระมหาชาลี อุตฺตโร ป.ธ.๓ ต่อมาเป็น พระครูสังวรโมลี อดีตเจ้าอาวาส วัดโมลีโลกยาราม รูปที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๔๙๓-๒๕๑๔) พระมหาลมัย โกวิโท ได้รับภาระการเรียนการสอนของสำนักวัดโมลีโลกยาราม ทั้งเป็นกำลังสำคัญของมหาธาตุวิทยาลัย คือ สำนักเรียนวัดมหาธาตุ เพราะต้องเป็นครูสอนชั้น ป.ธ.๔-๕-๖ ในมหาธาตุวิทยาลัย ถือว่าเป็นผลผลิตที่สำคัญของ พระประสิทธิศีลคุณ ผู้วางรากฐานการศาสนศึกษาไว้ ต่อมา วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ พระมหาลมัย ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระสุขุมธรรมาจารย์ ในนามอาจารย์ประจำมหาธาตุวิทยาลัย ทั้งที่มิได้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสหรือตำแหน่งทางปกครองอื่นใดเลย ครั้น พ.ศ.๒๔๙๙ จึงโปรดให้ย้ายไปเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม มรณภาพเมื่อ วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ส่วนพระมหาชาลี ผู้เป็นศิษย์ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม ต่อมาได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูสังวรโมลี" ได้จัดการศึกษาพระปริยัติธรรมสืบต่อจากอาจารย์อย่างไม่ลดละ สามารถมีศิษย์สืบทอดได้ เช่น พระมหาโสม ปญฺาวุฑฺโฒ ป.ธ.๗ สำนักศาสนศึกษาสำนักวัดโมลีโลกยาราม เข้าสอบในนามสำนักเรียนวัดมหาธาตุ ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๐๖ พระมหามา ปสุโต สอบบาลีชั้นประโยค ป.ธ.๙ ได้ นับเป็น เปรียญธรรม ๙ ประโยค รูปแรกของวัดโมลีโลกยาราม
ระยะตั้งเป็นสำนักเรียน
ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ พระครูสังวรโมลี (ชาลี อุตฺตโร ป.ธ.๓) ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส พระมหาโสม ปญฺาวุฑฺโฒ ป.ธ.๗ ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทน และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระรัตนมุนี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๖ ตั้งแต่รักษาการแทนเจ้าอาวาสเป็นต้นมา ได้รับภาระจัดการศึกษาต่อ โดยปรับปรุงระบบการเรียนการสอนให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการศึกษา ท่านสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้น ๑ หลัง เป็นอาคารตึก ๒ ชั้น กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๘ เมตร มีมุขยื่นกลาง ๕ เมตร เสร็จลงในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๒๕ พระมหาฉลาด ปริญฺาโณ สอบบาลีชั้นประโยค ป.ธ.๙ ได้ ท่านรับภาระการเรียนการสอนในสำนักศาสนศึกษาแห่งนี้อย่างเข้มแข็ง ในระยะนี้สำนักยังจัดการเองแล้วส่งนักเรียนเข้าสอบในนามสำนักเรียนวัดมหาธาตุ
ต่อมาปี ๒๕๓๔ เมื่อได้ปรับปรุงสำนักศาสนศึกษาดีขึ้นแล้ว จึงดำเนินการขอแยก
ตั้งเป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรม เพื่อจะทำให้สำนักเรียนมีความเจริญมั่นคงยิ่งขึ้น เพราะ
วัดอื่น ๆ ที่เคยขึ้นต่อสำนักเรียนวัดมหาธาตุ แยกตั้งสำนักเรียนตามลำดับ โดยได้ขอจัด
ตั้งสำนักเรียนผ่านเจ้าคณะผู้ปกครองคณะสงฆ์ตามลำดับ ถึงกรมการศาสนาเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๓๔ กรมการศาสนาได้นำเสนอมหาเถรสมาคม ในคราวประชุมครั้งที่
๒๐/๒๕๓๔ วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๓๔ ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้จัดตั้งเป็นสำนักเรียน
ตามที่ขอ กรมการศาสนาได้แจ้งเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๓๔
เมื่อวัดโมลีโลกยารามได้เป็นสำนักเรียนแล้ว พระรัตนมุนี (โสม) เจ้าอาวาส จึงมีฐานะเป็นเจ้าสำนักเรียนรูปแรก และได้แต่งตั้งพระมหาฉลาด ปริญฺาโณ ป.ธ.๙ เป็นอาจารย์ใหญ่รูปแรก ในปีแรกที่ส่งนักเรียนเข้าสอบในนามสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม
คือปี พ.ศ. ๒๕๓๕ มีผู้สอบได้พอสมควร และเป็นนิมิตหมายอันดียิ่งที่ สามเณรประยูร ป้อมสุวรรณ สอบได้ชั้นประโยค ป.ธ.๙ ได้รับพระบรมราชูปถัมภ์อุปสมบทเป็นนาคหลวงรูปแรกของสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม จากนั้นการเรียนการสอนและผลการเรียนอยู่ในระดับพอสมควรเพียงระยะหนึ่ง ครั้นถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ซึ่งส่งเข้าสอบปี ๒๕๓๙ ผลการเรียนการสอบลดลงอย่างน่าวิตก เพราะปี ๒๕๓๙ สอบบาลีได้ ๓ รูป ปี ๒๕๔๐ สอบได้เพียง
๒ รูป ทั้งนี้ คงเป็นเพราะพระภิกษุสามเณรผู้อยู่ในวัยเรียนสนใจเรียนสายสามัญมากกว่าพระปริยัติธรรม กอปรทั้งพระรัตนมุนี เจ้าสำนักเรียน เริ่มอาพาธและมรณภาพลงเมื่อวันที่
๘ กันยายน ๒๕๓๙ แม้พระศรีปริยัตยาภรณ์ (ฉลาด) ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
และรักษาการแทนเจ้าสำนักเรียน จะตั้งใจรับภาระอย่างเต็มที่ แต่ก็อาพาธซ้ำอีก จึงเป็น
เหตุให้ผลการเรียนขาดประสิทธิภาพ
ระยะปรับปรุงและพัฒนาสำนักเรียน
ครั้นวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๐ พระเทพปริยัติสุธี (วรวิทย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ เจ้าคณะภาค ๑๐ ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม ตามพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช มีฐานะเป็นเจ้าสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม อีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเจ้าสำนักเรียนรูปที่ ๒ เมื่อได้ศึกษาเหตุผลแห่งความเสื่อมทรุดของสำนักเรียนแล้ว ต้องเร่งรัดแก้ไขโดยจัดให้มีการเรียนการสอนอย่างจริงจัง ทั้งที่วัดและที่ศูนย์สังฆศาสน์ธำรง ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ปี ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นปีแรกที่ส่งนักเรียนเข้าสอบ มีนักเรียนเข้าสอบจริง ๓๑ รูป สอบได้ ๑๔ รูป และ พระมหาบุญเฮ็ง ปญฺาสิริ สอบได้ชั้นประโยค ป.ธ.๙ จึงทำให้สำนักเรียนเริ่มมีประสิทธิภาพขึ้น
ในปี ๒๕๔๐ นั้น ได้กำหนดนโยบายสำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามขึ้นเพื่อใช้เป็น
แนวทางบริหาร และปี ๒๕๔๒ ได้กำหนดแผนงานตามนโยบาย ได้เร่งรัดงานนี้มาตลอด
แผนงาน ได้ปรับปรุงผู้บริหารและครูสอนให้เหมาะสม และรับศูนย์สังฆศาสน์ธำรงเป็นสำนักสาขา ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูงตามลำดับ จนกระทั่งปีพุทธศักราช ๒๕๕๐
สำนักเรียนวัดโมลีโลกยารามจึงมีผู้สอบได้เป็นอันดับ ๑ ของกรุงเทพมหานครติดอันดับ ๑
ใน ๕ ของประเทศ
พระเทพปริยัติสุธีได้ทำการปรับปรุงพัฒนาสำนักเรียนนี้ ทั้งด้านวิชาการ และ
ด้านบุคลากร และงบประมาณ การเร่งรัดให้การเรียนการสอนได้มาตรฐานเพื่อคุณภาพ
ด้านบุคลากรได้แต่งตั้งพระมหาสมจิตร สมจิตฺโต ป.ธ.๙ เป็นอาจารย์ใหญ่ (พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๓)
ต่อมาปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ ได้แต่งตั้งพระมหาสุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.๙ เป็นอาจารย์ใหญ่สืบต่อมา
อนึ่ง ด้านบุคลากรนั้น ท่านได้นำคณะพระภิกษุสามเณรอนุจรมาจากวัดมหาธาตุ
ในวันพุธที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๐ ท่านเหล่านี้ได้เป็นกำลังสำคัญในการบุกเบิกปรับปรุงสำนักเรียนแห่งนี้ ซึ่งควรนำมากล่าวยกย่องเชิดชู ดังนี้
ที่
|
ชื่อ ฉายา/นามสกุล
|
อายุ
|
พรรษา
|
วิทยฐานะ
|
|
หมายเหตุ
|
|
|
|
|
ป.ธ.
|
น.ธ.
|
|
๑
|
พระมหาสมจิตร สมจิตฺโต
|
๓๗
|
๑๗
|
๙
|
เอก
|
|
๒
|
พระครูอุดมธรรมานุกูล อุตฺตโม
|
๔๒
|
๑๕
|
-
|
เอก
|
ขอจำพรรษาสมทบ
|
๓
|
พระมหาสถาพร ถิรจิตฺโต
|
๒๘
|
๘
|
๖
|
เอก
|
|
๔
|
พระมหาสุริโย อุตฺตมเมธี
|
๒๖
|
๕
|
๙
|
เอก
|
ศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย
|
๕
|
พระมหาสุทัศน์ วรทสฺสี
|
๒๕
|
๕
|
๙
|
เอก
|
หัวหน้าศูนย์สังฆศาสน์ธำรง
|
๖
|
พระมหาธีรพงษ์ วรญฺญู
|
๒๕
|
๕
|
๗
|
เอก
|
|
๗
|
พระมหาบุญเฮ็ง ปญฺญาสิริ
|
๒๔
|
๔
|
๘
|
เอก
|
|
๘
|
พระมหาชัยณรงค์ วรญฺชโย
|
๒๔
|
๔
|
๗
|
เอก
|
|
๙
|
พระมหาประเวช สิริจนฺโท
|
๒๓
|
๓
|
๗
|
เอก
|
|
๑๐
|
พระมหาส่ง พุทฺธิวโร
|
๒๒
|
๒
|
๙
|
เอก
|
|
๑๑
|
พระมหาประกอบ วรวุฑฺฒิ
|
๒๒
|
๒
|
๗
|
เอก
|
|
๑๒
|
พระมหารัตนะ กาญฺจนธาตา
|
๒๑
|
๑
|
๙
|
เอก
|
|
๑๓
|
สามเณรเดือน งามเกิด
|
๑๘
|
-
|
๔
|
เอก
|
|
๑๔
|
สามเณรอุดม นุพันธ์
|
๑๗
|
-
|
๕
|
เอก
|
|
๑๕
|
สามเณรพรชัย หะพินรัมย์
|
๑๖
|
-
|
๕
|
เอก
|
|
ด้านงบประมาณนี้ เนื่องจากเป็นสำนักเรียนที่ยากจน มีการปรับปรุงสถานศึกษา จึงทำได้ลำบาก จึงต้องอาศัยศาลาบ้าง ใต้ถุนกุฎิบ้าง เป็นสถานที่เรียน เพราะห้องเรียน
ไม่เพียงพอ
ในยุคของพระเทพปริยัติสุธีนี้ ถือเป็นยุครุ่งเรืองของสำนักเรียนเพราะมีผู้สอบบาลีได้จำนวนมากเกือบ ๙๐ รูป ในแต่ละปี ในยุคที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส มีเปรียญธรรม ๙ ประโยค
ถึง ๓๒ รูป มีสามเณรนาคหลวง ๕ รูป
ในยุคของพระเมธีวราภรณ์ (สุทัศน์)ได้สืบสานปณิธานต่อจากพระพรหมกวี
(วรวิทย์) ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้จัดการเรียนการสอนอย่างเข้มแข็งเข้มข้นจริงจัง
มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุคก่อน คือ
มีพระภิกษุสามเณรเข้ามาจำพรรษาเพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมทั้งแผนกบาลีและ
แผนกธรรมมากกว่า ๔๐๐ รูป ประการหนึ่ง มีผู้สอบพระปริยัติธรรมแผนกบาลีได้มากกว่า ๒๐๐ รูป ประการหนึ่ง นับเป็นยุคทองแห่งการพัฒนาศึกษาพระปริยัติธรรมอีกยุคหนึ่งของสำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม
พระเมธีวราภรณ์ได้บริหารการศึกษาของสำนักเรียนอย่างเป็นระบบทั้งสอนเองและกำกับดูแลการสอนของคณะครูอย่างใกล้ชิด มีการวัดผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้สอบบาลีได้มากถึง ๑๐๐- ๒๐๐ รูปในแต่ละปี นับว่ามากที่สุดในกรุงเทพมหานคร บางปีสามารถสอบได้มากเป็นอันดับ ๑ ของประเทศเลยทีเดียว
นอกจากจะจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลีแก่พระภิกษุสามเณรแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ฆราวาสเข้ามาเรียนบาลี โดยจัดตั้ง ìมหาบาลีวิชชาลัยî ขึ้นภายในวัด ในปี พ.ศ.๒๕๕๕ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ฆราวาสสามารถอ่านคำบาลีได้อย่างถูกต้อง และแปลภาษาบาลีเบื้องต้นได้ นอกจากนั้น ฆราวาสผู้ต้องการสอบบาลีศึกษาชั้นต่างๆสามารถเข้าศึกษาได้เช่นกัน มุ่งหวังให้ฆราวาสได้ศึกษาบาลีเป็นประเพณี นับเป็นมิติใหม่ของ
การศึกษาบาลีสำหรับฆราวาส
"แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไป การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมของสำนักเรียน
วัดโมลีโลกยารามแห่งนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป เพื่อสร้างศาสนทายาทพัฒนาบุคลากรของ
พระศาสนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง "
|